วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

แท็บเล็ต (Tablet)


แท็บเล็ต (Tablet)
ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระบบคอมพิวเตอร์ที่ให้คุณสามารถพกติดตัวได้โดยวัตถุประสงค์เพื่อทดแทนสมุดหรือกระดาษ
"แท็บเล็ต - Tablet" ในความหมายแท้จริงแล้วก็คือแผ่นจารึกที่เอาไว้บันทึกข้อความต่างๆโดยการเขียน (อาจจะเป็นกระดาษ, ดิน, ขี้ผื้ง, ไม้, หินชนวน) และมีการใช้กันมานานแล้วในอดีต แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาคอมพิวเตอร์ที่ใช้แนวคิดนี้ขึ้นมาแทนที่ซึ่งมีหลายบริษัทได้ให้คำนิยามที่แตกต่างกันไป หลักๆแล้วก็มี 2 ความหมายด้วยกันคือ "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC (Tablet Personal Computer)" และ "แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer" หรือเรียกสั้นๆว่า "แท็บเล็ต - Tablet"
ในปัจจุบันถูกพัฒนาให้มีความสามารถใกล้เคียงเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คเลยทีเดียว เครื่องแท็บเล็ตพีซี มีขนาดไม่ใหญ่มากสามารถถือได้ด้วยมือเดียวและน้ำหนักเบากว่าเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค
แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC (Tablet personal computer)
"แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC (Tablet personal computer)" คือ "เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่สามารถพกพาได้และใช้หน้าจอสัมผัสในการทำงานเป็นอันดับแรก ออกแบบให้สามารถทำงานได้ด้วยตัวมันเอง" ซึ่งเป็นแนวคิดที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากหลังจากทาง Microsoft ได้ทำการเปิดตัว Microsoft Tablet PC ในปี 2001 แต่หลังจากนั้นก็เงียบหายไปและไม่เป็นที่นิยมมากนัก "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC" ไม่เหมือนกับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือ Laptops ตรงที่อาจจะไม่มีแป้นพิมพ์ในการใช้งาน แต่อาจจะใช้แป้นพิมพ์เสมือนจริงในการใช้งานแทน (มีแป้นพิมพ์ปรากฏบนหน้าจอใช้การสัมผัสในการพิมพ์) "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC" ทุกเครื่องจะมีอุปกรณ์ไร้สายสำหรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและระบบเครือข่ายภายใน
วิธีการใช้งาน tablet


 
Tablet กับการจัดการเรียนการสอน
บทบาทของครูผู้สอน ชั้น ป.๑ ในการใช้ Tablet เพื่อยกระดับการเรียนการสอน
1. ด้านเตรียมความพร้อมในการจัดการเรียนรู้
1.1 ศึกษาแนวทางการใช้คอมพิวเตอร์พกพา (Tablet)
1.2 เข้ารับการอบรมปฏิบัติการใช้คอมพิวเตอร์พกพา (Tablet)
1.3 ปรับหลักสูตรสถานศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ให้เหมาะสมกับการใช้คอมพิวเตอร์พกพา(Tablet)
1.4 จัดตารางเรียนให้เหมาะสมในการจัดการเรียนรู้โดยใช้คอมพิวเตอร์พกพา(Tablet)
1.5 จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้เพิ่มเติมให้เหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษา
1.6 ใช้แผนการจัดการเรียนรู้คอมพิวเตอร์พกพา (Tablet) ตามที่กำหนด
1.7 ใช้แผนการจัดการเรียนรู้คอมพิวเตอร์พกพา (Tablet) โดยปรับให้เหมาะสมกับห้องเรียน
2. ด้านสภาพแวดล้อม
2.1  จัดสภาพห้องเรียนที่เหมาะสมในการจัดการเรียนรู้การใช้คอมพิวเตอร์พกพา (Tablet)
2.2 จัดเตรียมต่ออุปกรณ์ปลั๊กไฟฟ้าอุปกรณ์ชาร์ตไฟอย่างเพียงพอปลอดภัย
2.3 จัดทำ ป้ายนิเทศ ,แผ่นพับ, วีดิโอ ฯลฯ เพื่อการประชาสัมพันธ์การใช้คอมพิวเตอร์พกพา (Tablet)
2.4 จัดทำแนวทางการปฏิบัติการใช้คอมพิวเตอร์พกพา (Tablet)  ของห้องเรียน (ข้อตกลงของห้องเรียน)
3. ด้านกิจกรรมการเรียนรู้(Activities)
3.1 เตรียมการและเตรียมความพร้อมในการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ Tabletไว้ล่วงหน้า
3.2 จัดการเรียนการสอนให้นักเรียนได้เรียนรู้ตามแผนการสอน และแนวทางการใช้ Learning Object ที่สพฐ.จัดทำให้
3.3 จัดทำหน่วยใหม่สำหรับการสอน Learning Object เพิ่มเติมจากแผนการจัดการเรียนรู้ที่มีอยู่
3.4 ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่ใช้ Tablet   โดยบูรณาการในแผนการจัดการเรียนรู้ปกติที่สอนอยู่เป็นประจำ
3.5 ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ Learning Object เป็นสื่อเสริมความรู้หรือทักษะบางประการของผู้เรียน
3.6 ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ Learning Object  ใช้เป็นบทเรียนสำหรับได้เรียนรู้ด้วยตนเอง เช่น สืบหาความรู้
ออกแบบนำเสนอผลงาน ทดสอบความรู้ เป็นต้น
3.7 เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ใช้ฝึกปฏิบัติและร่วมกิจกรรมการเรียนการสอนตามกิจกรรมที่กำหนด
3.8 การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูและนักเรียนเพื่อช่วยในการ เรียนรู้ Learning Object /คอมพิวเตอร์พกพา (Tablet)
3.9 การมีปฏิสัมพันธ์/การเรียนรู้ร่วมกันระหว่างนักเรียนและนักเรียนในการเรียนรู้ Learning Object
3.10 มีการช่วยเหลือนักเรียนในการเรียนรู้ Learning Object /คอมพิวเตอร์พกพา (Tablet) เป็นรายบุคคล
3.11 มีการสรุปผลการจัดการเรียนการสอนร่วมกันระหว่าง นักเรียนและครูผู้สอน
3.12 มีการประเมินผลก่อนเรียน ระหว่างเรียนเพื่อพัฒนาความสามารถของผู้เรียนและมีการประเมินหลังเรียน
3.13 ใช้เครื่องมือและวิธีการตรวจสอบประเมินผลการเรียนรู้ที่เหมาะสม
3.14 ประเมินผลการเรียนรู้องผู้เรียนรายบุคคลเพื่อการประเมินความก้าวหน้าของผู้เรียนในการใช้ Learning Object  
3.15  จัดการสอนซ่อมเสริมรายบุคคลให้กับผู้เรียนที่ไม่ผ่านผลการประเมินการจัดการเรียนรู้
3.16 จัดกิจกรรมการสอนนอกห้องเรียนเพื่อส่งเสริมการใช้คอมพิวเตอร์พกพา (Tablet)


ภาพการเรียนการสอนโดยใช้ tablet

ข้อดี – ข้อเสีย
ข้อดีคือ- ทำให้เด็กไทยรุ่นใหม่ได้ก้าวทันเทคโนโลยีสมัยใหม่มากขึ้น และได้เรียนรู้ตั้งแต่อายุยังน้อยเพราะเมื่อแก่ตัวไปก็จะสายเกินกว่าจะเรียนรู้แล้ว
- เมื่อมีการนำหลักสูตรและตำราเรียนต่างๆมาใส่ไว้ใน Tablet ก็สามารถปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรให้เด็กได้เรียนรู้โปรแกรมใหม่ๆนอกเหนือจากในตำราเรียน
- เป็นการพัฒนาทักษะการใช้เทคโนโลยีให้แก่เด็กเพื่อนำไปใช้ในการทำงาน และการประกอบอาชีพในอนาคต
- มันใช้แทนกระดาษได้จ้า...เพราะต้นไม้ที่จะให้ทำกระดาษน่ะ มันไม่มีจะให้ตัดแล้ว
- ช่วยกระตุ้นให้ครูที่หมดไฟทั้งหลาย เริ่มมองดูตัวเองให้มากขึ้น
ข้อเสียคือ- ข้อเสียที่สำคัญและเห็นได้ชัด คือ เมื่อเด็กใช้ Tablet ไปนานๆ มองหน้าจอนานๆก็จะส่งผลระยะยาวกับสายตาของเด็กคือ ทำให้สายตาเสียตั้งแต่อายุยังน้อยและอาจส่งผลไปเรื่อยๆในระยะยาว
- เด็กในวัยนี้ถือว่ายังมีวุฒิภาวะที่ไม่เพียงพอที่จะดูแลรักษาของเหล่านี้ได้ อาจทำหายหรือเกิดความชำรุดเสียหายได้ และทำให้เกิดการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ
- สิ่งที่เป็นปัญหาของเด็กไทยที่สำคัญเลยตอนนี้ก็คือปัญหาการติดเกม และเมื่อมีการแจก Tablet ให้เด็กไป เด็กไว้นี้อาจจะนำไปใช้ในทางที่ผิดคือนำไปเล่นเกมและนำไปเปิดเว็บที่ไม่เหมาะสมได้
- ปัญหาอีกอย่างหนึ่งก็คือ ในประเทศไทยของเรายังไม่มีการปล่อย wifi ในทั่วประเทศ เมื่อรัฐบาลจะแจกให้กับเด็กทั่วประเทศ ก็จะไม่มีการออนไลน์ก็เหมือนกับเด็กได้เรียนรู้เท่าเดิม คือแค่ได้เรียนในตำราเรียนที่ย่อลงไปใน Tablet ไม่ได้มีความรู้เพิ่มเติมจากโลกออนไลน์เลย
ประโยชน์ของ tablet

1.ใช้แทนตำราเรียนได้
2.ใช้ในการบันทึกการเรียนการสอน สามารถจดบันทึกแบบรายมือเขียน หรือพิมพ์ข้อความได้ สามารถเลือกบันทึกเสียง ภาพนิ่ง ภาพวิดีโอได้
3.สามารถค้นหาข้อมูลต่างๆ โดยผ่านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต นักเรียนที่อยู่ห่างไกลหรือชนบท สามารถเรียนผ่านทางออนไลน์ได้ แก้ปัญหาความขาดแคลนไม่ทั่วถึงของการศึกษาได้
4.ใช้แทนสื่อการเรียนการสอน และสามารถใช้แอพพลิเคชั่น เป็นสื่อประกอบการเรียนการสอน เช่น แผนที่ ภาพจากเว็บไซต์ คลิปวิดีโอ
5.ใช้สื่อสารผ่านการเชื่อมต่อ Internet ได้ทุกที่ทุกเวลา ครุและนักเรียนที่ใช้ Tablet สามารถติดต่อสื่อสารนอกเวลาได้ ส่งอีเมล์หากันใช้โปรแกรมพูดคุยปรึกษากันได้

แหล่งอ้างอิง
http://090803.wikispaces.com/Parichrt+Suwanma ประยุกต์ youtube
 โพสต์วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2556

Social Media

คำว่า “Social” หมายถึง สังคม ซึ่งในที่นี้จะหมายถึงสังคมออนไลน์ ซึ่งมีขนาดใหม่มากในปัจจุบัน
คำว่า “Media” หมายถึง สื่อ ซึ่งก็คือ เนื้อหา เรื่องราว บทความ วีดีโอ เพลง รูปภาพ เป็นต้น
ดังนั้นเมื่อรวมกันจึงเรียกว่า Social Media หมายถึง สังคมออนไลน์ที่มีผู้ใช้เป็นผู้สื่อสาร หรือเขียนเล่า เนื้อหา เรื่องราว ประสบการณ์ บทความ รูปภาพ และวิดีโอ ที่ผู้ใช้เขียนขึ้นเอง ทำขึ้นเอง หรือพบเจอจากสื่ออื่นๆ แล้วนำมาแบ่งปันให้กับผู้อื่นที่อยู่ในเครือข่าย ของตน ผ่านทางเว็บไซต์ Social Network ที่ให้บริการบนโลกออนไลน์ ปัจจุบัน การสื่อสารแบบนี้ จะทำผ่านทาง Internet และโทรศัพท์มือถือมากขึ้นเรื่อยๆ
ประเภทของ Social Mediaซึ่งสามารถแบ่งหมวดหมู่ตามลักษณะการใช้งานได้ดังนี้
เช่น ประเภทสื่อสิ่งพิมพ์ (Publish) ที่มี Wikipedia, Blogger เป็นต้น
ประเภทสื่อสนทนา (Discuss) ที่มี MSN, Skype, Google Talk เป็นต้น





วิธีการใช้ Facbook

วิธีการใช้งาน youtube

ประโยชน์ของ Social Media
...............บริษัทต่างๆเริ่มหันมาใช้ Blog ในการประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการมากขึ้น เนื่องจากจัดการใช้งาน และอัพเดทให้ทันสมัยได้ง่าย อีกทั้งยังเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ดี เพราะ Blog ส่วนใหญ่จะสำรวจและแยกประเภทความสนใจของสมาชิกอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายที่ถูก และสามารถติดต่อสื่อสารระหว่างบริษัทกับลูกค้าผ่านข้อความแสดงความคิดเห็นได้อีกด้วย
ข้อดีของ Social Media
- สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ในสิ่งที่สนใจร่วมกันได้
- เป็นคลังข้อมูลความรู้ขนาดย่อมเพราะเราสามารถเสนอและแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้ หรือตั้งคำถามในเรื่องต่างๆ เพื่อให้บุคคลอื่นที่สนใจหรือมีคำตอบได้ช่วยกันตอบ
- ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสารกับคนอื่น สะดวกและรวดเร็ว

- เป็นสื่อในการนำเสนอผลงานของตัวเอง เช่น งานเขียน รูปภาพ วีดิโอต่างๆ เพื่อให้ผู้อื่นได้เข้ามารับชมและแสดงความคิดเห็น
- ใช้เป็นสื่อในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือบริการลูกค้าสำหรับบริษัทและองค์กรต่างๆ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า
- ช่วยสร้างผลงานและรายได้ให้แก่ผู้ใช้งาน เกิดการจ้างงานแบบใหม่ๆ ขึ้น
- คลายเครียดได้สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการหาเพื่อนคุยเล่นสนุกๆ
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดีจากเพื่อนสู่เพื่อนได้
ข้อเสียของ Social Media
- เว็บไซต์ให้บริการบางแห่งอาจจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป หากผู้ใช้บริการไม่ระมัดระวังในการกรอกข้อมูล อาจถูกผู้ไม่หวังดีนำมาใช้ในทางเสียหาย หรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้
- Social Network เป็นสังคมออนไลน์ที่กว้าง หากผู้ใช้รู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือขาดวิจารณญาณ อาจโดนหลอกลวงผ่านอินเทอร์เน็ต หรือการนัดเจอกันเพื่อจุดประสงค์ร้าย ตามที่เป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์
- เป็นช่องทางในการถูกละเมิดลิขสิทธิ์ ขโมยผลงาน หรือถูกแอบอ้าง เพราะ Social Network Service เป็นสื่อในการเผยแพร่ผลงาน รูปภาพต่างๆ ของเราให้บุคคลอื่นได้ดูและแสดงความคิดเห็น
- ข้อมูลที่ต้องกรอกเพื่อสมัครสมาชิกและแสดงบนเว็บไซต์ในรูปแบบ Social Network ยากแก่การตรวจสอบว่าจริงหรือไม่ ดังนั้นอาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่กำหนดอายุการสมัครสมาชิก หรือการถูกหลอกโดยบุคคลที่ไม่มีตัวตนได้
- ผู้ใช้ที่เล่น social network และอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานอาจสายตาเสียได้หรือบางคนอาจตาบอดได้
- ถ้าผู้ใช้หมกมุ่นอยู่กับ social network มากเกินไปอาจทำให้เสียการเรียนหรือผลการเรียนตกต่ำลงได้
- จะทำให้เสียเวลาถ้าผู้ใช้ใช้อย่างไร้ประโยชน์
 Social Media กับการเรียนการสอน
1.ใช้ในฐานะการเรียนรู้โดยครูอาจจะต้องเป็นนักสำรวจเลือกสื่อที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์กับการเรียนรู้ของนักเรียนแล้วนำไปรวมไว้ที่ blogger กลางของครูและประชาสัมพันธ์ไปที่ facbook  ก็ได้ จากนั้นให้นักเรียนเข้าศึกษาได้ด้วยตนเอง
2. ใช้ในซานะสื่อการสอน โดยครูสามารถนำสื่อเลือกมาใช้ในการจัดการเรียนรู้และออกแบบการสอนโดยอาศัยสื่อเหล่านั้นประกอบตามความเหมาะสมของธรรมชาติวิชา
3. ใช้ในการสื่อสารกับนักเรียน อาจใช้เป็นช่องทางในการรับทราบปัญหาของนักเรียน เมื่อนักเรียนมีปัญหาอาจมาทิ้งข้อความไว้แล้วครูก็เข้าไปตอบปัญหาเหล่านั้น
4.ใช้เป็นช่องทางในการมอบหมายและส่งงาน
5.ใช้เป็นแหล่งพักสมองโดยได้ความรู้ เกมบางชนิดแต่ต้องเลือกให้ดี
ตัวอย่างเว็บไซต์ Social Media เพื่อการศึกษา
เว็บกลางเครือข่าย Social Media เพื่อการเรียนการสอน
แหล่งอ้างอิง
โพสต์วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2556